Last updated: 10 มี.ค. 2568 | 17 จำนวนผู้เข้าชม |
เลี้ยงกระต่ายด้วยอัลฟัลฟ่าตัดครั้งแรก ไม่สวยไม่น่ากิน แต่ดีกว่า
โดย ผศ. น. สพ. ดร. สมโภชน์ วีระกุล
เหตุใดวัวนมในต่างประเทศถึงเลือกให้กินอัลฟัลฟ่าตัดครั้งแรก (premium 1st cut alfalfa) แต่กระต่ายกลับไปกินแบบตัดครั้งที่สอง (2nd cut alfalfa)
เป็นทางเลือกของกลุ่มสัตว์กินพืชขนาดเล็ก เพื่อให้ได้รับโปรตีนที่สูงกว่า ถ้ากระต่ายเลือกกินต้นอ่อนหรือก้านในระยะนี้ได้เก่ง ก็คงเป็นประโยชน์ทั้งรูปร่างที่ดีและช่วยในการสึกของฟันตามธรรมชาติได้ดีกว่าการเลือกกินแต่ใบ สร้างพฤติกรรมการเลือกกิน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันลูกกระต่ายจำนวนไม่น้อยเริ่มกินต้นอ่อนนี้ เพราะต้นอ่อนแม้ว่าจะแห้งและเหมือนว่าจะแข็ง กระต่ายเด็กเหล่านี้ยังเคี้ยวได้อย่างไม่ยากเลย นับว่าเป็นเรื่องที่ดีหรือความโชคดีกับกระต่ายตัวนั้นๆ ที่จะได้รับโภชนาการที่ดีกว่า จะเหลือแต่เพียงผู้เลี้ยงที่อาจยังไม่เข้าใจในคุณสมบัตินี้
เมื่อทำการเปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการ อัลฟัลฟ่าแบบตัดครั้งแรกมีระดับคุณค่าสูงกว่า ตัวหลักที่เป็นที่มุ่งหมายคือระดับโปรตีนสูงถึง 22% หรือมากกว่าขณะที่อัลฟัลฟ่าที่ตัดครั้งหลังและเกรดลองลงมา อาจไม่ถึง 18% ถึงแม้ว่าตัวต้นอ่อนจะดูแข็งกว่าใบเมื่อแห้ง แต่พบว่าคุณค่าของต้นอ่อนในระยะตัดครั้งแรกดีกว่า พืชที่มีคุณภาพสูงยังมีระดับค่าพลังงานรวมจากการย่อยได้ (total digestible nutrient: TDN) พลังงานที่เกิดจากการย่อยได้ (digestible energy) และพลังงานที่เกิดจากการเผาผลาญสารอาหารมนร่างกาย (metabolizable energy) สูงกว่าตามลำดับเกรดคุณภาพและระยะเวลาในการตัด
จึงไม่แปลกใจที่กลุ่มม้าแข่งและโคนมที่ต้องการความพิเศษ เหตุใดจึงเลือก premium 1st cut อยู่ดี (ถ้าเลือกได้) แต่หาซื้อได้ยาก เพราะตลาดส่วนใหญ่นิยมใบ เขาต้องเลือกผลิตใบมาก เพราะได้น้ำหนัก ปริมาณผลผลิตต่อแปลงมากกว่า และสัตว์ขนาดเล็กกินง่าย จึงมีผลทำให้อัลฟัลฟ่าตัดครั้งแรกมีเฉพาะบางกลุ่มใช้เลี้ยงที่ต้องการผลผลิตที่ดี ทำให้มีราคาแพงกว่าทุกระยะ
นอกจากนี้ อัลฟัลฟ่าเกรดนี้ยังเหมาะสำหรับแม่กระต่ายตั้งท้อง ให้นมเลี้ยงลูก และในระยะเลี้ยงลูกจะเป็นช่วงให้ลูกกระต่ายได้ฝึกเล็มทีละน้อย และสัตว์ยิ่งขนาดเล็กจะมีสัมประสิทธิ์การย่อยได้มากกว่า ความต้องการพืชอาหารสัตว์จึงขึ้นกับขนาดตัว พันธุ์เล็กจะมีโอกาสต้องการกินมากกว่า และความต้องการพลังงานและสารอาหารเพื่อผลผลิตสูง ย่อมต้องกินในเปอร์เซนต์ที่สูงกว่า เช่นแพะ จะกินมากกว่าแกะเมื่อเทียบตามน้ำหนักตัว โคนมต้องการมากกว่าโคเนื้อ ระยะให้นมในสัตว์ต่างๆจึงมักให้อัลฟัลฟ่าเสริม เพราะหญ้าทิโมธีและหญ้าอื่นๆให้คุณค่าไม่ดีเท่าเมื่อเทียบกับผลผลิตที่ต้องการ
แต่ควรระวังอัลฟัลฟ่าที่อายุแก่มากๆ หรือตัดช้า จะมีเหลือแต่ก้านเพราะใบร่วงไปหมด ผู้เลี้ยงจึงต้องช่างสังเกต เพราะเปลือกก้านจะหนาและใหญ่กว่ากันมาก ใบจะใหญ่และร่วนกว่าปกติ
เป็นอีกทางเลือกที่ดีขึ้น หากกระต่ายกินเกรด first cut premium/super premium alfalfa ไม่ได้ จะกินในเกรดที่มีใบมากขึ้น ก็ควรเป็นแบบพรีเมี่ยม เรียก non firstcut premium alfalfa แทน มีความแตกต่างของระดับโปรตีนจากกันไม่มากนัก ถ้าระดับพรีเมี่ยมจากแปลงปลูกที่น่าเชื่อถือและมีการส่งตรวจวิเคราะห์ พบว่าสูงมากกว่า 21% แต่เกรดอื่นๆ จะได้คุณสมบัติของร่างกายไม่ดีเท่าเมื่อเทียบในรายที่ให้เฉพาะอัลฟัลฟ่าเทียบกัน
อัลฟัลฟ่าแบบตัดครั้งแรกมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าการตัดครั้งที่ 2-3 จึงนิยมใช้เลี้ยงม้าแข่งที่ต้องการบุคลิกและคุณลักษณะที่สง่างามและแข็งแรงกว่า และใช้ในโคเพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำนม ตามคำยืนยันจากจดหมายของ suppliers (ดังภาพ) แต่เพราะเป็นพืชที่งอกใหม่ ใบจะยังน้อย เพราะบางส่วนยังเป็นต้นอ่อนที่เป็นสีแดงน้ำตาล เหมือนยอดอ่อนพืชใบเลี้ยงคู่ทั่วไปที่เราคุ้นเคย เมื่อทำแห้ง จึงดูเหมือนฟางหยาบกว่าหญ้าที่เกรดต่ำกว่าไปเลย ทั้งสีที่ออกแดง และใบน้อย จึงไม่แปลกใจที่กลุ่มผู้เลี้ยงกระต่ายจำนวนไม่น้อยจะแสดงอาการไม่พอใจได้ เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์เกรดตัดครั้งแรก (1st cut) นี้ไปใช้ เพราะเห็นแต่ก้านหรือต้นเป็นส่วนใหญ่
จึงมักไม่ค่อยนำมาใช้เลี้ยงสัตว์กินพืชขนาดเล็ก ผู้ขายมักจะเลี่ยงทำตลาดในเกรดนี้ เพราะยากที่จะอธิบายให้ผู้เลี้ยงเข้าใจ รวมทั้งตัวสัตว์เองส่วนใหญ่มักจะเลือกกินใบ เพราะไม่ได้ถูกฝึกให้แทะต้นอ่อนมาตั้งแต่แรก
จากคำกล่าวในภาพจดหมาย เขาค่อนข้างประหลาดใจเมื่อมีคำสั่งซื้อเป็นอัลฟัลฟ่าแบบตัดครั้งแรก เพราะคนส่วนใหญ่นิยมใช้ non first cut หรือไม่ได้ตัดครั้งแรก แต่จะยังแบ่งเป็นอีกหลายเกรด เช่น premium non first cut และ non first cut เฉยๆ เพราะอัลฟัลฟ่าระยะนี้จะเริ่มมีใบจำนวนมาก เป็นที่พอใจ หรือเป็นช่วงการพัฒนาใบ suppliers จึงได้กำชับซ้ำๆว่าคุณอยากได้อัลฟัลฟ่าเกรดนี้จริงหรือ มันดูแข็งและไม่น่ากินนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อยังสด หรือเก็บดีไม่ถูกแสงและร้อน อัลฟัลฟ่าเกรดนี้ส่วนใหญ่จะเขียวสวย (ดังภาพ) มีแซมด้วยใบเขียวและสีน้ำตาลแดงเป็นส่วนๆ แต่ใบก็ยังน้อยเมื่อเทียบกับระยะถัดไป
10 มี.ค. 2568
10 มี.ค. 2568
10 มี.ค. 2568